วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ประวัติฉาวโฉ่ลือเลื่องของ"พุทธอิสระ"!!!??

ความกล้าและบ้าบิ่นเอาจริงอย่างท่านอิสระช่างหาได้ยาก
ความปรามาศต่อพระเถระ พระผู้มีพรรษา...
กล้าฉะ!! โดยไม่เกรงกลัว หาผู้ใดเปรียบ
ความสบถในวาจาอันท้าทาย..
ถ้าไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ท่านจะลาสิกขา...
ฟังมาครั้งที่ 100 แล้ว
แต่ท่านก็ยังห่มผ้าเหลือง...ท่านช่างไม่ธรรมดา!!!
(ท่านเป็นนักฟ้องระดับชาติเชียว อู้หูวว์!!เท่ห์อ่ะ)


หากอยากรู้จักท่านพุทธอิสระ
เลยหามาอ่านเพื่อจะได้เข้าใจในสิ่งที่ท่านกระทำ

สรุปประวัติคร่าวๆของพุทธอิสระ ชื่องามนามเพราะ!!
  • เป็นชาวนครปฐม เรียนไม่จบ ป.4 นักธรรมเอก
  • บวชอายุ 20 ปี
  • แต่ลาสิกขาไปเป็นทหาร
ช่วงที่พุทธอิสระเป็นทหาร...ท่านก็สร้างวีรกรรมเอาไว้ไม่ธรรมดา
อ่า.....สุดยอด!!!

ที่แท้ท่านเองเคยลองไปใช้ชีวิตอันหฤโหด
ฝึกอย่างหนัก
สั่งซ้ายขวาก็ต้องทำ...เข้าใจเลยว่าต่อมา ทำไมท่านชอบคบกับทหารและชอบสั่ง ชี้นิ้วๆๆๆ
โอ้.....ท่านยังมีศรัทธามาบวชแน่ะ
กลับมาบวชอีกทีนี้ !!!

ก็กลับมาบวชใหม่ที่วัดเดิม ได้รับฉายาว่า “ธมฺมธีโร”
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก “พุทธะอิสระ” ก็ต้อง “สึก” และ “บวช” ใหม่อีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งว่ากันว่า 
เป็นเพราะกรณีครหา “โกงอายุพรรษา” !!! 

“ทีมงานพระนครฯ” ได้ทำการสืบเสาะแสวงหาข้อมูลหลักฐานทุกอย่างโดยละเอียดและพบว่า กรณีการ “สึก” ของ “พุทธะอิสระ” หรือขณะนั้นคือ “พระอธิการสุวิทย์ ธีมมฺโม” นั้นเป็นข่าวใหญ่คึกโครมในปี 2544 โดยมีสาเหตุใหญ่มาจากการพบหลักฐาน กรณี “ตำแหน่งเจ้าอาวาส” กับ “ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลห้วยขวาง (วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม)” ที่พระสุวิทย์ดำรงอยู่นั้นระบุ “อายุพรรษา” แตกต่างกัน โดย “ใบตราตั้งเจ้าอาวาส” ระบุว่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 2538 ขณะมีอายุ 35 ปี 11 พรรษา แต่ในปี 2542 ได้รับการแต่งตั้งเป็น “เจ้าคณะตำบล” กลับมีอายุ 44 ปี 21 พรรษา 
ซึ่งระยะเวลาห่างกัน 4 ปี คือ พ.ศ.2538 ถึง พ.ศ.2542 แต่กลับมีการระบุ “อายุ” คลาดเคลื่อนกันไปถึง 5 ปี และ “พรรษา” ต่างกัน 6 พรรษา

จากนั้นคนไทยทั้งประเทศได้รู้จักท่านพุทธอิสระในฐานะ
“แกนนำม็อบกบฏ กปปส.”
ป้าด...มาดให้ (อย่างกะเจ้าพ่อมาเฟีย)

 เมื่อ “พุทธะอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” หรือ “นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ” เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม 
ได้รับการยืนยันจาก “นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” 
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า 
“ทำผิดพระธรรมวินัย” ของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) ในการชักชวนประชาชนให้ทำผิดกฎหมาย..
ย้ำกันให้ชัดเจนว่า “ถูกจับ” เมื่อไร … “สึก” ได้ทันที !!!
และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ศาลออก “หมายจับ” 
ในข้อหาขัดขวางการเลือกตั้ง ภายหลังนำพาสาวกบุกปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 
จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธสงครามอย่างรุนแรง !!

ต่อมา...พุทธอิสระ ท่านโด่งดังไปทั่วภพสาม 
เมื่อออกมายืนยัน..ยืนกราน ที่จะสึกพระเถระหลายรูป
อาทิ พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโยวัดพระธรรมกาย


ท่านได้รับความเคารพยำเกรง...อย่างน่าสงสัย 
ไม่มีข้าราชตำรวจ ทหารกล้าจับท่านเลยแม้แต่คนเดียว
พบเห็นท่าน ก็นอบน้อมเสมอ..โอ้ววว์ สุดยอด!!
ต่อมา...
เมื่อทำอย่างไร...ก็ไม่สามารถทำอะไรวัดพระธรรมกายได้
ท่านจึงซุ่มเงียบ...หาจังหวะและโอกาส (อย่าลืมว่าท่านฝึกมาดี)

พอเห็นข่าวหลวงพ่อธัมมชโยปุ๊บ!! ท่านก็ออกมาชี้แนะปั๊บเลย!!
เช่น ทำไมไม่อายัด ยึดวัดพระธรรมกายเลยล่ะ!!! โอ้วววว

สิ่งที่ทำร้ายหัวใจท่านพุทธอิสระ...คือใครๆ ก็ไม่อยากใกล้ท่านทั้งผิวพรรณ วรรณะ...อาภรณ์ ของท่านพุทธอิสระก็เริ่มเศร้าหมอง

แม้ท่านจะตรอมใจเท่าใด...แต่เมื่อออกข่าว ออก TV
ท่านจำใจต้องกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์
(ไม่ได้หรอก เดี๋ยวกองเชียร์ที่เหลือน้อยของท่านจะไม่สนุกน่ะ)

ท้ายนี้...ขอทิ้งท้ายด้วยคำกลอนเพราะๆ
แด่...พุทธอิสระ พระที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
ใจเย็นนะท่าน

ยิ้มไว้...ๆ



วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

รวมฮิตเปิดโปงชีวิตนายมโน...

รวมฮิตเปิดโปงชีวิตนายมโน...อย่ามโน!!! และหยุดมโนซะเถอะ!!!

เรื่องที่หายไป ที่มโนไม่เคยกล่าวถึง

ทำไมมโนจึงออกจากวัดพระธรรมกาย 

ในกลางพรรษาปี2537
พระมโน (ในขณะนั้น) กำลังทำเรื่องนายรูดี้
ที่ฆ่าพระในอเมริกา เรี่ยรายจากโยมหลายสิบล้าน 
เรื่องนี้มีคนพูดมากแล้ว ขอยกไว้ 
แต่จุดที่ออกจากวัดไม่เคยมีใครพูดถึงคือ 
พระมโน มาขอหลวงพ่อรองเจ้าอาวาสไปประชุมที่อียิปต์ 
ในรายการที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการเผยแผ่พุทธศาสนา
จากกำหนดการจะต้องขาดพรรษา. 

อย่างที่ทราบกันพระมโนตั้งแต่วันบวช 

ก็ร่อนเร่ไปอยู่ต่างประเทศ 
ไม่คุ้นกับการทำตามวินัย จำพรรษา 
ซึ่งครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่พระมโน
จำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย 
หลังจากบวชแล้ว 13 ปี 
หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสไม่อนุญาต
เพราะไม่เอื้อพระวินัย ด้วยความดื้อรั้น
เอาแต่ใจก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ครูบาอาจารย์ 
จะไปให้ได้ ที่สุดพระมโนได้ยื่นคำขาดว่า  
"ถ้าหลวงพ่อไม่ให้ไปผมก็จะขอลาออกจากวัด ?"  

หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสจึงให้กลับไปคิดให้ดีหนึ่งคืน .  

พระมโนคงคิดด้วยความคิดเอาตนเป็นใหญ่ 
มองไม่เห็นสิ่งที่หลวงพ่อเตือนให้เอื้อเฟื้อ
กับพระวินัยตั้งใจจะแหกพรรษาไปเช้ารุ่งขึ้น
จึงเอาจดหมายลาออกมายื่น. หลวงพ่อรองเจ้าอาวาส  

หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสได้รับหน้าที่ปกครองพระสงฆ์. 
ในปีนั้นมีประมาณ 700 รูป มีกฏระเบียบ สำหรับคนหมู่ใหญ่. 
จึงสุดที่จะทัดทาน หลวงพ่อรองเจ้าอาวาส
จึงจำใจรับการลาออกนั้น  

พระมโนเมื่อออกไปแล้ว เมื่อต้องอยู่เอง กินเอง 
ไปได้ไม่นาน ไม่ถึงปลายปี ไปขอให้เจ้าภาพใหญ่
ระดับคุณหญิงท่านหนึ่งมาขอให้หลวงพ่อรับกลับ  

เป็นเรื่องที่หลวงพ่อทำได้ลำบากเพราะจะเสียการปกครอง 
เห็นแก่สงฆ์หมู่ใหญ่ ที่จะไม่ให้เอาแต่ใจเป็นเยี่ยงอย่าง จึงปฏิเสธ  

ยังไม่จบเท่านี้นะมโน!!

ตอนที่พระมโนกลับมา ขอเข้าวัดนั้น 
หลวงพ่อรองเจ้าอาวาส ยังให้โอกาส 
ให้พระมโนไปขอขมา ต่อสงฆ์ ที่ในโบสถ์วันอุโบสถ 
พระมโน นั้นด้วยทิฐิ ที่ตัวถือดี มีดีกรีนักเรียนนอก 
ไม่ยอมลดตัว ลดทิฐิ ความถือดี จึงสละโอกาสนั้น 
แล้วแยกไปตามทางของตนเอง


ก็คงเก็บไปแค้นเหมือนเดิม 
คิดว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส
แกล้งตนให้เสียหน้า   เลยอาฆาตมาดร้าย เนรคุณ 
ทั้งๆที่ ท่านมีแต่ความหวังดี อยากให้ลดมานะ 
ความถือตัว ทิฐิความเห็นผิดๆ นั้นไปให้หมด 
เรื่องก็เป็นอย่างนี้...

พระมโนจึงสิ้นสุด
ความเป็นพระวัดพระธรรมกายด้วยประการฉะนี้ !!! 

อย่ามาตีเนียนว่าเห็นความไม่ชอบมาพากลของหลวงพ่อ
จึงทำตัวเป็นฮีโร่ ออกมาต่อต้าน แม้เนรคุณ 
ฟังแล้วเสียดายอาหารที่ทานเข้าไป.  

พอเถอะนายมโน คุณจะเคียดแค้น อาฆาต จองเวร 
หลวงพ่อไปทำไม พยายามอย่างยิ่งที่จะได้คำว่า  
" ศิษย์เนรคุณ คิดล้างครู" ทำไม!!!!????




ปลอมตัวได้เนียนนะ!! อย่ามโนไปเองว่าเป็นหมอ

รพ.กรุงเทพ แถลงด่วน "นพ.มโน เลาหวนิช" 
ไม่ใช่ "แพทย์" ของโรงพยาบาล 
แต่กลับใส่ชุดแพทย์ของโรงพยาบาล

สรุปที่พูดมาทั้งหมด "ลวงโลกเหรอ?"
รพ.กรุงเทพ แถลงด่วน "นพ.มโน เลาหวนิช" ไม่ใช่ "แพทย์" ของโรงพยาบาล แต่กลับใส่ชุดแพทย์ ไปนั่งให้สัมภาษณ์ในห้องตรวจโรค
และ จนท. โรงพยาบาลบอกสื่อมวลชนว่าว่า 
"นายแพทย์มโนไม่ใช่หมอ แต่ว่าเป็นคนไข้"
6 มี.ค. 58 สืบเนื่องจากกรณี นายยุคล วิเศษสังข์ 
ผู้ดำเนินรายการเปิดประเด็นร้อน และนายธราวุฒิ ฤทธิอักษร 
ผู้ประกาศและผู้ดำเนินรายการคุยนอกข่าว ของสำนักข่าวทีนิวส์ 
ถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กักตัว
และขอให้ลบเทปสัมภาษณ์ หลังไปสัมภาษณ์ 
นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระวัดพระธรรมกาย 
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด โรงพยาบาลกรุงเทพ 

ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องขอให้
สำนักข่าวทีนิวส์ลบภาพการสัมภาษณ์ นพ.มโน นั้น 
เพราะนพ.มโน แต่งกายเป็นแพทย์ นัดนักข่าวมาให้สัมภาษณ์ที่ รพ.กรุงเทพ ทั้งที่ไม่ใช่แพทย์ของ รพ.กรุงเทพ 
โดยใช้สถานที่ห้องตรวจ และนั่งบนเก้าอี้แพทย์ด้วย 
ทาง รพ.จึงกังวลว่า ถ้าภาพถูกเผยแพร่ออกไป 
จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคม ว่า รพ.กรุงเทพ 
มีส่วนสนับสนุนการให้สัมภาษณ์นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แถลงการณ์ดังกล่าวสอดคล้อง

กับคำบอกเล่าของ นายยุคล ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ 
"ทีนิวส์ สด.ลึก.จริง" ช่วงหนึ่งว่า หนึ่งในเจ้าหน้าที่
ของโรงพยาบาลบอกกับทางทีมงานว่า 
"นายแพทย์มโนไม่ใช่หมอ แต่ว่าเป็นคนไข้"
ซึ่งทำให้ทางทีมงานแปลกใจมาก 
เพราะจากพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่พยาบาล
ที่มาต้อนรับทีมงาน และจัดสถานที่ให้
ทั้งยังเรียกนายแพทย์มโนว่า "คุณหมอ" 
ในตอนแรกนั้น ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง 
ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพิ่มเติม 
จากการเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ผ่าน URL : https://www.bangkokhospital.com/th/centers-and-clinics/… ปรากฎว่าไม่พบชื่อของ นพ.มโน เลาหวณิช 
เป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด


วอนชาวพุทธแท้...อย่าแพ้พุทธปลอม ลวงโลกมุ่งร้ายพระพุทธศาสนากินบนเรือน อุจจาระรดบนหลังคามารพระศาสนาอย่างแท้จริง!!!


วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

เปิดโปงแผนการชั่ว!!!!!แผนสกัดสมเด็จฯวัดปากน้ำขึ้นสังฆราช

เปิดโปงแผนการชั่ว!!!!!

สกัดสมเด็จฯวัดปากน้ำขึ้นสังฆราช


ติดตามกระแส...กระบวนการข่าววงการคณะสงฆ์มานาน
เหมือนดูมวย...ที่คู่ชกคือ ฆราวาสกลุ่มหนึ่งซึ่ง...จุดๆๆๆ
ในขณะที่พระสงฆ์..ทำอะไรก็ ผิด ผิด และผิด เสมอมา

พระสงฆ์ไม่สามารถมีสิทธิ์ออกเสียงอะไรได้แม้แต่น้อยเลย
ชาวพุทธที่เหลือ ที่ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว 
เพราะเราใช้ปัญญาก็พอรู้ว่า...ข่าวเหล่านี้มุ่งหมายสิ่งใด

ขนาดพระผู้ใหญ่ ผู้มีพรรษา ...ยังถูกล้อเลียน ใส่ร้าย
จะเหลืออะไรให้เคารพอีกในสังคมไทย



รอมานานแล้ว ...ใช่ไหม?? 
ว่าเมื่อไหร่จะพลิกโฉมหน้า เบื้องหลังที่แท้จริง
ไม่ต้องรอนานหรอก...เพราะความชั่วที่ทำไว้
เหมือนใบบัวแค่ใบเดียว..ที่ปิดช้างตายทั้งตัวไว้ไม่มิด ฉันนั้น...

ขอบคุณมากนะ!! ที่ทำให้ชาวพุทธและชาวไทยทั้งประเทศ
ได้ตาสว่างเสียที!! อ่อ!! ทำให้เรารักสามัคคีกันมากขึ้น

ไม่นานหรอกนะ!! ชาตินี้แหละรู้กัน!!!
Cr.พิทักษ์ธรรม


วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

ขอเตือน!!! ใจแข็งไม่พออย่าอ่าน!!!

 พระอะไร
นี่ใช่...พระหรือนี่!!!??
วัน-วัน ในหัวสมองมีแต่เรื่องไหน
มโน ศิษย์ล้างครู มิวางวาย
ผสมโรงกันมากมายคละคลุ้งจริง

 เอาสิเอ๊า!!??? เจ้านี่ ยังไม่หยุด
ชอบขุดๆ เขี่ยคุ้ย เรื่องร้าวฉาน
ให้ชาวพุทธสุดทนจนประมาณ
นี่หรือการปกป้องพุทธให้คู่ไทย
 จะเอาหุ่นมาเชิดอีกนานมั๊ย???
เราคนไทยไม่ใจบอด ไม่โง่เขลา
เอาคนนั้น คนนี้...มาเป็นเงา
หาเรื่องเข้า ระวังจะเข้าตัว
ผู้ตรวจการ แต่งตั้งมาจากไหน???
ใครหนอใครอยู่เบื้องหลัง นิสัยพาล!!
อย่ามั่วๆ เอาความชั่วมาประจาน
คงไม่นาน ธรรมะย่อมชนะอธรรม!!!
Cr.พิทักษ์ธรรม

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กรณีอาบัติ ต้องปาราชิกหาใช่ใคร!!! คือท่านเอง "พุทธอิสระ"

กรณีอาบัติ ต้องปาราชิกหาใช่ใคร!!!
คือท่านเอง "พุทธอิสระ"
ดูกันให้ชัดเจน...ว่าใครกันที่ทำให้การคณะสงฆ์ปั่นป่วน
ยังมีความเป็นพระหรือไม่..???
สร้างข้อพิพาท ..ต้องการให้พระรูปอื่นลาสิกขาเพื่อการใด??
แล้วไฉน..ท่านไม่เคยดูโทษของตนเอง 
"ผ้าเหลืองร้อนเป็นไฟ" หัวใจท่านทำด้วยสิ่งใด ขอโปรดพิจารณา..
ผู้มีปัญญาเชิญพิจารณา..
กรณีแอบอ้างพระอักษรเกี่ยวข้องกับอาบัติ ดังนี้...

1. กรณีห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์ขึ้นมาใหม่นั้น 
          - ตามพระธรรมวินัย หากการกสงฆ์ (กา-รก-สงฆ์) หมายถึง  พระภิกษุที่ได้รับมอบหมายจากสงฆ์ ให้มีหน้าที่ในกิจนั้นๆ ได้วินิจฉัยอธิกรณ์ไปแล้ว เสร็จสิ้นแล้ว และสงฆ์ก็ยอมรับในคำวินิจฉัยนั้น.
         - พระวินัยแจ้งชัดว่า ห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์นั้นขึ้นมาใหม่.
         - ผู้ที่ไม่มีหน้าที่ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือไม่ได้เป็นผู้ฟ้องเดิม.
         -  ภิกษุผู้ไปรื้อฟื้นอธิกรณ์ขึ้นมาใหม่ ด้วยไม่ถูกใจตน ไม่ถูกใจพวกตน หรือด้วยขัดเคืองใจ เป็นอาบัติปาจิตตีย์.

พุทธอิสระ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่การกสงฆ์ทำเสร็จแล้วตามธรรมตามวินัย ต้องเป็นอาบัติ "ปาจิตตีย์".


ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า 
เรื่องที่ทำนั้นเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่พุทธอิสระก็ยังขืนทำซ้ำเรื่องเดิมๆ  ใครห้ามก็ไม่เชื่อฟัง เป็นผู้ดื้อด้าน ว่ายากสอนยาก สดงอาการอาฆาตมาตรร้าย สร้างความเอือมระอาแก่หมู่คณะ  ชักเข้าหาอาบัติหนักเป็นสังฆาทิเสส  เพราะเป็นคน  "ว่ายากสอนยาก".
         -  แม้สงฆ์เตือนครั้งที่ 1 ไม่เชื่อฟัง เป็น "อาบัติทุกฏ" 
         -  เตือนครั้งที่ 2 ยังไม่เชื่อฟัง ก็ให้ปรับเพิ่มขึ้นไปอีก เป็น "อาบัติถุลลัจจัย" โทษฐานดื้อด้าน มีพฤติกรรมชั่วหยาบ.
          -  แม้เตือนครั้งที่ 3 ก็จะเป็นอาบัติหนัก ถึงขั้นสังฆาทิเสส  ต้องอาศัยความอนุเคราะห์จากสงฆ์จึงจะออกจากอาบัติสังฆาทิเสสข้อนี้ได้.


         สรุป: พุทธอิสระทำหยาบช้า(ถุลลัจจัย) ต่อสงฆ์ไว้มากมายขนาดนี้ แล้วไซร์ สงฆ์คณะไหนเลยจะอนุเคราะห์ให้พุทธอิสระออกจากอาบัติได้สุดท้ายก็จะตายไปพร้อมกับอาบัติหนัก เข้าถึงทุคติวินิบาต เป็นที่สุด.



2.  กรณีตัวอย่างการพฤติชั่วหยาบ
-  พุทธอิสระมีพฤติกรรมทำลายพระวินัยเป็นอาจิณณ์  เพราะทำผิดซ้ำๆ ในเรื่องเดิมๆ กรณีใช้พระลิขิตรื้อฟื้นอธิกรณ์  คือ
         2.1  ไปยื่นสำนักนายก เป็นปาจิตตีย์ ๑ ข้อ.
         2.2  ไปยื่นดีเอสไอ เป็นปาจิตตีย์ อีก ๑ ข้อ.
         2.3  ไปยื่น ปปช เป็นปาจิตตีย์ อีก ๑ ข้อ
         2.4  ไปยื่นรัฐสภา  เป็นปาจิตตีย์ อีก ๑ ข้อ
         2.5  ทุกครั้งที่ไปยืนแถลงข่าวในที่ต่างๆ กี่ ๆ ครั้ง เป็นอาบัติทุกๆ ครั้งที่แถลง.